Skip to content
เจิ้งซานเสียวจ่ง หรือที่เมืองจีนเรียกกันง่ายๆว่า เสียวจ่ง เป็นชาแดงพื้นฐานครับ คือทำกันมาเนิ่นนาน เป็นชาแดงตัวแรกที่ทำออกมา จึงถือได้ว่าเป็นชาพื้นๆ ถึงจะมีสตอรี่ มีประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่หวือหวาโด่งดังเป็นพุแตกได้รับความนิยมแบบจินจวิ้นเหมย เนื่องจากชาวจีนดื่มเสียวจ่งกันมาหลายร้อยปีแล้วนั่นเอง
ในทางพฤกษศาสตร์ เชื่อกันว่าต้นชาที่มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แท้จริงแล้วมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบยูนนาน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากไทย อยู่เหนือจากเชียงรายขึ้นไปนิดเดียว ซึ่งบรรพบุรุษของต้นชานี้ พอถูกลม ฝน นก สิงสาราสัตว์แพร่กระจายเมล็ดไปยังที่ต่างๆ ก็เกิดการวิวัฒนาการสายพันธุ์โดยปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อมของแต่ละที่ที่เมล็ดแพร่พันธุ์ไป
“…ยุคคะมะกุระนี่เองที่ชาเริ่มมีอิทธิพลต่อรากฐานความคิดและมุมมองต่อความสวยงามของคนญี่ปุ่น ตั้งแต่ยุคเฮอันเป็นต้นมา การสร้างที่อยู่อาศัยของราชวงศ์ ขุนนาง และนักรบ มีรูปแบบโอ่อ่า มีลักษณะเป็นอาคารหลายหลังที่มีทางเดินเชื่อมถึงกัน การก่อสร้างอาคารแบบนี้ถูกขนานนามว่า ชินเด็นสึขุริ
ช่วงที่ผ่านมาเราพยายาม R&D สรรหาวิธีการทำชาใหม่ๆเพื่อทำชาออกมาให้ตอบโจทย์ของลูกค้าครับ จนตอนนี้ทำออกมาได้ทั้งสิ้นสามสูตร คิดว่าน่าจะเป็นชาที่ตอบโจทย์หลายๆท่าน ทั้งสำหรับนำไปทำดื่มเองที่บ้าน หรือนำไปดัดแปลงทำเป็นสูตรเพื่อเสิร์ฟในร้าน หรือทำชา delivery ขาย
เมื่อหลายร้อยปีก่อน สมัยที่ญี่ปุ่นเริ่มนำชาจากจีนเข้ามาดื่มนั้น ก็ได้นำเครื่องปั้นดินเผาเพื่อสำหรับใช้ในการดื่มชาเข้ามาด้วย ในยุคนั้นสิ่งของที่มาจากจีนถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่า ด้วยว่านวัตกรรมของจีนในยุคนั้นต่างเหนือกว่าประเทศในแถบเอเชียทั้งสิ้น
“ชาชิซึโอกะ” (静岡茶: Shizuokacha) จากจังหวัดชิซึโอกะ มีพื้นที่ปลูกเป็นอาณาเขตกว้างขวางที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้ฟูจิ พื้นที่บริเวณนั้นจึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟ
นอกจากในเมืองจีนแล้ว ก็ยังมีวัฒนธรรมนิยมชมชอบใบชารอบแรกของปีในญี่ปุ่นอยู่เช่นกัน ใบชาที่เก็บได้รอบแรกนี้ถูกเรียกว่าอิจิบันฉะ หมายถึงใบชาที่ถูกเก็บในรอบที่หนึ่งของปี ต้นชาสายพันธุ์ควบคุมที่ใช้เป็นมาตรฐานในการวัดคุณภาพของสายพันธุ์อื่นคือพันธุ์ยะบุขิตะ หากสายพันธุ์ใดมีการแตก
คือ “กาน้ำชาเหล็ก” มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กาน้ำชาเหล็กต้มน้ำสำหรับดื่มชา โดยมีผลวิจัยจากศูนย์วิจัยน้ำประจำจังหวัดชิซุโอกะ(Shizuoka)สนับสนุนว่า…เมื่อนำน้ำไปต้มในกาเหล็ก
คือแหล่งธรรมชาติอันสวยงามกลางหุบเขาในเมืองมัทสึโมโต้ จังหวัดนากาโน่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร ถูกจัดให้เป็นสมบัติของชาติของประเทศญี่ปุ่น แต่ละปีมีผู้มาเยือนและพักผ่อนที่คะมิโคจิราว 1.5 ล้านคน
….เอกลักษณ์ของชาญี่ปุ่นนั้น จะมีการให้ความสำคัญกับ รสชาติ มากกว่า กลิ่น ดังนั้นการดึงรสชาติของชา ไม่ว่าจะเป็นรสขม หวาน หรือกลมกล่อม ล้วนเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตชาญี่ปุ่น
Go to Top
error: Content is protected !!