“อนุมูลอิสระ” (Free Radical)
“อนุมูลอิสระ” (Free Radical) คือ อะตอมที่มีอิเล็กตรอนเดี่ยว เมื่อวิ่งไปชนกับโมเลกุลใดๆ โมเลกุลนั้นก็จะสูญเสียอิเล็กตรอนของมันเอง เกิดเป็นอนุมูลอิสระตัวใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
“อนุมูลอิสระ” (Free Radical) คือ อะตอมที่มีอิเล็กตรอนเดี่ยว เมื่อวิ่งไปชนกับโมเลกุลใดๆ โมเลกุลนั้นก็จะสูญเสียอิเล็กตรอนของมันเอง เกิดเป็นอนุมูลอิสระตัวใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
ใบชาโดยปกติแล้วจะสามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ หากเกินนั้นรสของชาจะค่อยๆจางไปจนไม่เหลือกลิ่น ซึ่งยิ่งหากเก็บไม่ถูกวิธี กลิ่นของชาก็อาจจางลงได้ในระยะเวลาแค่ 3 เดือน สิ่งสำคัญในการเก็บรักษาใบชาคือจะทำอย่างไรให้กลิ่นของชาคงอยู่ได้
ในการชงชาฝรั่งนั้นแม้อาจไม่ได้มีพิธีรีตองอย่างเช่นการดื่มชาในจีนหรือญี่ปุ่น แต่การจะชงชาฝรั่งด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมให้ได้กลิ่นและรสที่พอดี รวมถึงการดื่มด่ำในรสชาติพร้อมของเคียงและบรรยากาศที่ลงตัวก็มีข้อแนะนำมาให้ลองทำกันอยู่หลายข้อ:
ใบชาประเภทต่างๆ มีสารอาหารอยู่ในปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต ซึ่งสารอาหารเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นตัวกำหนด “รสชาติ” ของชา เช่น ชาที่มีกรดอะมิโนเยอะ ก็จะมีรสกลมกล่อม ชาที่มีสารแคทิซินเยอะ ก็จะมีรสฝาด และขม เป็นต้น
ในการเลือกน้ำสำหรับใช้ชงชา ปกติแล้วสามารถใช้น้ำขวดธรรมดาแบบที่วางขายทั่วไป นำมาต้มให้เดือดก็เป็นอันใช้ได้ แต่บทความนี้ จะพูดถึงเฉพาะเรื่องการใช้น้ำแร่ครับ เพราะชนิดของน้ำแร่มีผลต่อรสของชาที่แตกต่างกัน ดังนั้น ข้อเท็จจริงเรื่องน้ำแร่ชนิดไหนจะชงชาออกมาได้รสอย่างไร
การชงชาเย็น ก็เหมือนกับการชงชาร้อน เพียงแต่ลดปริมาณน้ำร้อนให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แล้วเทชาที่ชง ลงในแก้วใส่น้ำแข็ง รอสักครู่ น้ำแข็งก็จะละลายเข้ากับชา กลายเป็นชาเย็น วิธีนี้ มีข้อดีกว่าการชงชาทิ้งไว้แล้วปล่อยให้เย็น
ฉะเซ็นทำจากไม้ไผ่ ก่อนใช้ควรนำมาจุ่มในน้ำอุ่น เสมือนเป็นการอุ่นเครื่องฉะเซ็น ก่อนนำไปตีมัทฉะ …และหลังจากใช้เสร็จ ก็ควรล้างฉะเซ็นด้วยน้ำสะอาดเบาๆ ให้ชาหลุด แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติในที่โล่ง อากาศถ่ายเท เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจเกิดการขึ้นราได้
“ฉะเซ็น” (茶筅: Chasen) หรือ “แปรงตีชา” เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย ในพิธีชงชาญี่ปุ่น ฉะเซ็นทำมาจากไม้ไผ่ นำมาผ่าแล้วฝานออกเป็นซี่ๆ เป็นงานฝีมือที่ผู้ประดิษฐ์ต้องใช้ความละเอียดและความชำนาญสูง
โครงสร้างของ “ฉะเซ็น” (茶筅: Chasen) คือท่อนไม้ไผ่ที่ด้านหนึ่งทำหน้าที่เป็นด้ามจับ ส่วนอีกด้านหนึ่งถูกผ่าและซอยออกเป็นซี่เล็กๆ เอาไว้สำหรับใช้ชงชามัทฉะ