Skip to content
เมื่อหลายร้อยปีก่อน สมัยที่ญี่ปุ่นเริ่มนำชาจากจีนเข้ามาดื่มนั้น ก็ได้นำเครื่องปั้นดินเผาเพื่อสำหรับใช้ในการดื่มชาเข้ามาด้วย ในยุคนั้นสิ่งของที่มาจากจีนถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่า ด้วยว่านวัตกรรมของจีนในยุคนั้นต่างเหนือกว่าประเทศในแถบเอเชียทั้งสิ้น
อ่านต่อ
“ชาชิซึโอกะ” (静岡茶: Shizuokacha) จากจังหวัดชิซึโอกะ มีพื้นที่ปลูกเป็นอาณาเขตกว้างขวางที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้ฟูจิ พื้นที่บริเวณนั้นจึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟ
อ่านต่อ
….เอกลักษณ์ของชาญี่ปุ่นนั้น จะมีการให้ความสำคัญกับ รสชาติ มากกว่า กลิ่น ดังนั้นการดึงรสชาติของชา ไม่ว่าจะเป็นรสขม หวาน หรือกลมกล่อม ล้วนเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตชาญี่ปุ่น
อ่านต่อ
เรื่องราวเกี่ยวกับชาในประเทศไทย จากหนังสือ The French Art of Tea
อ่านต่อ
ประตูทางเข้าบ้าน “คนนิจิอัง” (今日庵: Konnichi-an) ของสำนักชงชา “อุระเซนเกะ” (裏千家: Urasenke)
อ่านต่อ
ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ชาดำ(ชาฝรั่ง)จะเป็นชาที่ชาวตะวันตกส่วนใหญ่นิยมดื่ม ทว่าในยุคเริ่มแรกที่พ่อค้าชาวดัตช์นำชาจากประเทศจีนติดเรือมุ่งหน้าเข้าสู่ยุโรปนั้น ชาในยุคนั้นยังเป็นชาเขียว กล่าวคือเป็นชาที่ไม่ผ่านการหมัก มีวิธีการผลิตคือ เมื่อเก็บใบชาแล้ว ใบชาจะถูกนำไปผึ่งบนแคร่ไม้ไผ่
อ่านต่อ
ชาต้งติ่งอู่หลง (凍頂烏龍茶: Dòngdǐng Wūlóngchá) เป็นชาอู่หลงชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของไต้หวัน ถูกจัดให้เป็นชาอู่หลงระดับพรีเมี่ยม มีสีและรสคล้ายชาเขียว แต่มีกลิ่นหอมสะอาดแบบกลิ่นของดอกไม้ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แรกเริ่มเดิมที ชาต้งติ่งได้ถูกนำมาปลูกจากมณฑลฝูเจี้ยน
อ่านต่อ
ชาทิกวนอิมเป็นชาอู่หลงของจีนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีตำนานเล่าเกี่ยวกับที่มาของชื่อหลายตำนาน โดยตำนานแรกนั้นเล่าว่า…ในสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง มีชายคนหนึ่ง นามว่านาย “หวัง” ได้นัดแนะพบกันกับเพื่อนที่ตีนเขาพระโพธิสัตว์กวนอิมที่เมืองซีผิง มณฑลฝูเจี้ยน
อ่านต่อ
สาเหตุเป็นเพราะว่า ชาอู่หลงนั้นรสชาติไม่ต่างจากชาเขียวญี่ปุ่นมาก และชาวญี่ปุ่นมีค่านิยมว่าอะไรที่สามารถผลิตเองได้ภายในประเทศ ก็จะไม่ซื้อให้เสียเงิน ในขณะเดียวกัน ชาวญี่ปุ่นไม่ผลิตชาดำ และชาดำก็มีรสชาติที่ต่างจากชาเขียวมาก ในกรณีของชาดำ จึงมีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นยอมซื้อชาดำมาดื่มได้นั่นเอง
อ่านต่อ
Go to Top
error: Content is protected !!